เมนู

เธอ ฉันปวารณาต่อท่านทั้งหลาย แม้ครั้งที่สาม ด้วยได้
เห็นก็ดี ด้วยได้ฟังก็ดี ด้วยสงสัยก็ดี ขอท่านทั้งหลายจงอาศัยความ
กรุณาว่ากล่าวฉัน ฉันเห็นอยู่จักทำคืนเสีย.

ภิกษุผู้นวกะพึงห่มผ้าอุตราสงค์เฉวียงบ่า นั่งกระโหย่งประคองอัญชลี
แล้วกล่าวคำปวารณาต่อภิกษุเหล่านั้นอย่างนี้ว่า:-
ท่านเจ้าข้า ผมปวารณาต่อท่านทั้งหลาย ด้วยได้เห็นก็ดี
ด้วยได้ฟังก็ดี ด้วยสงสัยก็ดี ขอท่านทั้งหลายจงอาศัยความกรุณาว่า
กล่าวผม ผมเห็นอยู่จักทำคืนเสีย.
ท่านเจ้าข้า ผมปวารณาต่อท่านทั้งหลาย แม้ครั้งที่สอง ด้วย
ได้เห็นก็ดี ด้วยได้ฟังก็ดี ด้วยสงสัยก็ดี ขอท่านทั้งหลายจงอาศัย
ความ กรุณาว่ากล่าวผม ผมเห็นอยู่จักทำคนเสีย.
ท่านเจ้าข้า ผมปวารณาต่อท่านทั้งหลาย แม้ครั้งที่สาม ด้วย
ได้เห็นก็ดี ด้วยได้ฟังก็ดี ด้วยสงสัยก็ดี ขอท่านทั้งหลายจงอาศัย
ความกรุณาว่ากล่าวผม ผมเห็นอยู่จักทำคืนเสีย.


คณะปวารณาพระ 3 รูป


สมัยต่อมา ในอาวาสแห่งหนึ่ง ถึงวันปวารณามีภิกษุอยู่ด้วยกัน 3 รูป
ภิกษุเหล่านั้น จึงได้มีความปริวิตกว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอนุญาตให้ภิกษุ 5
รูป ปวารณาเป็นการสงฆ์ ให้ภิกษุ 4 รูป ปวารณาต่อกัน ก็พวกเรามีอยู่ด้วย
กัน 3 รูป จะพึงปวารณากันอย่างไรหนอ แล้วกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มี-
พระภาคเจ้า ๆ ตรัสอนุญาตแก่ภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาต
ให้ภิกษุ 3 รูป ปวารณาต่อกัน.

วิธีทำคณะปวารณา


ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แลภิกษุทั้งหลายพึงปวารณาอย่างนี้:-
ภิกษุผู้ฉลาด ผู้สามารถ พึงประกาศให้ภิกษุเหล่านั้น ทราบด้วยญัตติ-
กรรมวาจา:-

ญัตติกรรมวาจา


ขอท่านทั้งหลายจงฟังข้าพเจ้า วันนี้เป็นวันปวารณา ถ้าความ
พร้อมพรั่งของท่านทั้งหลายถึงที่แล้ว พวกเราพึงปวารณากันเถิด.
ภิกษุผู้เถระพึงห่มผ้าอุตราสงค์เฉวียงบ่า นั่งกระโหย่งประคองอัญชลี
แล้วกล่าวคำปวารณาต่อภิกษุเหล่านั้นอย่างนี้ ว่าดังนี้:-

คำปวารณา


เธอ ฉันปวารณาต่อเธอทั้งหลาย ด้วยได้เห็นก็ดี ด้วยได้
ฟังก็ดี ด้วยสงสัยก็ดี ขอเธอทั้งหลายจงอาศัยความกรุณาว่ากล่าวฉัน
ฉันเห็นอยู่จักทำคืนเสีย.
เธอ ฉันปวารณาต่อเธอทั้งหลาย แม้ครั้งที่สอง ด้วยได้เห็น
ก็ดี ด้วยได้ฟังก็ดี ด้วยสงสัยก็ดี ขอเธอทั้งหลายจงอาศัยความกรุณา
ว่ากล่าวฉัน ฉัน เห็นอยู่จักทำคืนเสีย.
เธอ ฉันปวารณาต่อเธอทั้งหลาย แม้ครั้งที่สาม ด้วยได้เห็น
ก็ดี ด้วยได้ฟังก็ดี ด้วยสงสัยก็ดี ขอเธอทั้งหลายจงอาศัยความกรุณา
ว่ากล่าวฉัน ฉัน เห็นอยู่จักทำคืนเสีย.